ในปัจจุบัน Membrane Filtration ถูกนำมาใช้ในกระบวนการต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมมากมายหลายประเภท เช่น อุตสาหกรรมอาหาร, อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม รวมไปถึงการนำมาใช้ในการบำบัดน้ำเสียในโรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจาก Membrane Filtration เป็นกระบวนการกรองที่มีประสิทธิภาพที่ใช้ Membrane หรือเยื่อเลือกผ่านแผ่นสังเคราะห์บาง ๆ ที่ผลิตมาจากสารอินทรีย์หรือสารอนินทรีย์นำมาใช้ในการกรองเพื่อแยกสสารที่ต่างสถานะกันให้แยกออกจากกัน ไม่ว่าสสารนั้นจะอยู่ในรูปแบบของเหลวกับของเหลว ของเหลวกับก๊าซ หรือของเหลวกับของแข็ง ทำให้สสารนั้นเข้มข้นหรือบริสุทธิ์ตามค่าที่กำหนดและสามารถนำไปใช้งานได้ตามที่ต้องการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยวิธีเลือกใช้ Membrane Filtration ให้ถูกต้องและเหมาะสมมีความสำคัญเป็นอย่างมากที่จะทำให้การกรองมีประสิทธิภาพ เนื่องจากสสารที่ใช้ในกระบวนการต่าง ๆ ในโรงงานอุตสาหกรรมมีคุณสมบัติและลักษณะของสสารที่แตกต่างกันส่งผลให้การเลือกใช้ Membrane Filtration จึงมีความแตกต่างด้วยเช่นกัน

วิธีการเลือก Membrane Filtration ที่ใช่และถูกต้องสร้างการกรองให้มีประสิทธิภาพ

วิธีการเลือก Membrane Filtration ต้องเลือกโดยให้มีความสอดคล้องกับจุดประสงค์ที่จะนำไปใช้งาน มีความเหมาะสมกับสสารและปริมาตรที่ต้องใช้ในการกรอง ดังนั้นต้องเลือก Membrane Filtration ที่มีขนาดของรูพรุนและวัสดุที่ใช้ในการผลิตที่สอดคล้องและเหมาะสมกับปัจจัยที่กล่าวมาจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เนื่องจากขนาดของรูพรุนบ่งบอกถึงความละเอียดในการกรองส่วนวัสดุที่ใช้ในการผลิตบ่งบอกถึงความทนทานต่อสสารโดยเฉพาะที่ต้องใช้กรองสารเคมีเพราะสารเคมีมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ซึ่งขนาดของรูพรุนและวัสดุที่ใช้ในการผลิต Membrane Filtration มีรายละเอียดดังนี้

1.ประเภทของ Membrane Filtration แบ่งตามขนาดของรูพรุนมีด้วยกัน 4 ประเภท คือ

1.1 Reverse Osmosis (RO) เป็นกระบวนการที่ Membrane Filtration จะมีขนาดของรูพรุนที่ละเอียดมาก โดยขนาดของรูพรุนอยู่ที่ 0.0005-0.0001 ไมครอน มีความสามารถในกรองสสารที่มีค่าต่ำกว่า 100 ดาลตัน โดยจะใช้แรงดันสูงประมาณ 1,380-6,890 kPa ในการขับเคลื่อนสสารให้ผ่าน Membrane ซึ่ง Membrane Filtration แบบ Reverse Osmosis สามารถกำจัดสารละลาย สิ่งปนเปื้อน และเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ เช่น แบคทีเรีย จึงถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมน้ำเพื่อผลิตน้ำที่มีความบริสุทธิ์สูง หรือโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำบาดาลหรือน้ำกร่อยที่ต้องการเปลี่ยนให้น้ำเหล่านั้นให้กลายเป็นน้ำจืดที่มีความบริสุทธิ์ รวมไปถึงการทำให้สสารมีความบริสุทธิ์ที่สูงขึ้น เช่น อุตสาหกรรมน้ำตาล, อุตสาหกรรมย้อมสี เป็นต้น

1.2 Ultrafiltration (UF) เป็นระบบที่ Membrane Filtration มีขนาดของรูพรุนอยู่ที่ 0.002-0.1 ไมครอน มีขนาดรูพรุนที่ใหญ่กว่าระบบ Reverse Osmosis มีความสามารถในกรองสสารที่มีค่าตั้งแต่ 10,000-100,000 ดาลตัน โดยใช้แรงดันประมาณ 200-700 kPa ในการขับเคลื่อนสสาร Membrane Filtration แบบ Ultrafiltration นิยมใช้ในการกรองเพื่อแยกสารแขวนลอยโปรตีน, ใช้ในการผลิตน้ำบริสุทธิ์สูง, ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ, ใช้ในการบำบัดน้ำเสีย และใช้ในการเตรียมน้ำเพื่อใช้ในระบบ RO เป็นต้น

1.3 Nanofiltration (NF) เป็นระบบ Membrane Filtration ที่อยู่ระหว่างระบบ Reverse Osmosis และระบบ Ultrafiltration ซึ่งมีขนาดรูพรุนของ Membrane อยู่ที่ 0.001 ไมครอน มีความสามารถในการกรองสสารที่มีค่าตั้งแต่ 1,000-100,000 ดาลตันได้ โดยใช้แรงดันประมาณ 600-1,000 kPa ในการขับเคลื่อนสสาร ใช้ในกระบวนการผลิตน้ำดื่มและบำบัดน้ำเสีย

1.4 Microfiltration (MF) เป็นระบบ Membrane Filtration เป็น Membrane ที่มีขนาดของรูพรุนที่ใหญ่ที่สุดโดยมีขนาด 0.03-10 ไมครอน มีความสามารถในการกรองสสารที่มีค่า 100,000 ดาลตันขึ้นไป โดยใช้แรงดันต่ำในการขับเคลื่อนสสารประมาณ 100 - 400 kPa Membrane Filtration แบบ Microfiltration จะสามารถกรองอนุภาคแขวนลอย, จุลชีพ หรือสสารอื่น ๆ ได้ สามารถกรองเบื้องต้นเพื่อแยกตะกอนขนาดใหญ่ก่อนส่งไปกรองระดับที่ละเอียดมากขึ้นหรือใช้สำหรับกรองเพื่อแยกตะกอนของน้ำผลไม้หรือเครื่องดื่มเพื่อทำให้ใส และใช้ในระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อแยกตะกอนส่วนที่เป็นอนุภาคของแข็งออกไป เป็นต้น

2.วัสดุที่ใช้ในการผลิต Membrane Filtration มีด้วยกัน 2 ชนิด คือ

2.1 Organic Membranes Membrane Filtration ที่ผลิตจากสารอินทรีย์อย่างโพลีเมอร์ ซึ่งมีทั้งโพลีเมอร์แบบธรรมชาติ เช่น ยางพอลิไอโซพรีน (Polyisoprene), เซลลูโลส (Cellulose) และโพลีเมอร์แบบสังเคราะห์ เช่น ไนลอน (Polyamide), พอลิสไตรีน (Polystyrene), เทปล่อน (Polytetrafluoroethylene)

2.2 Inorganic Membranes Membrane Filtration ที่ผลิตจากสารอนินทรีย์ที่เรามักเรียกกันว่า เซรามิกเมมเบรน (Ceramic Membranes) เช่น อะลูมิเนียมออกไซด์ (Aluminum oxide), โลหะ (Metal), เซรามิก (Ceramic), คาร์บอน (Carbon), ซีโอไลน์ ((Zeolites) และเมมเบรนเหลว (Liquid Membranes)

Membranes Filtration ทั้งสองชนิดมีคุณสมบัติการใช้งานที่แตกต่างกัน

โดย Membranes Filtration ที่ทำจากสารอนินทรีย์จะมีความต้านทานต่อความดันและสารเคมีได้มากกว่า Membranes Filtration ที่ทำจากสารอินทรีย์โดยเฉพาะการฆ่าเชื้อโรคด้วยคลอรีน นอกจากนั้นยังสามารถทนต่ออุณหภูมิและระดับ pH ที่สูงได้ อีกทั้งยังมีโครงสร้างรูพรุนที่แม่นยำและสม่ำเสมอทำให้การกรองมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นจึงทำให้มีราคาแพงมากและมีความยุ่งยากในการใช้งาน

• Membranes Filtration ที่ทำจากสารอินทรีย์จะมีความโดดเด่นในความยืดหยุ่นที่ทำให้สามารถใช้ในระบบที่มีเนื้อที่จำกัดได้ซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่ต่อปริมาตรให้มากขึ้น ส่วนคุณสมบัติในด้านอื่นขึ้นอยู่ผลิตจากวัสดุอะไร เช่น ผลิตจาก Cellulose Acetate จะสามารถกรองสสารที่มีค่า 1,000 - 5,000 ดาลตันได้ สามารถทนต่อค่า pH ได้ที่ 3.5 - 7 ทนต่อความร้อนได้ที่อุณหภูมิ 35 องศาเซลเซียส แต่ไม่สามารถทนต่อสารละลายได้

• Membrane Filtration ที่ผลิตจาก โพลีซัลโฟน (Polysulfone) จะสามารถทนสารละลายได้ปานกลางและทนความร้อนได้สูงถึง 100 องศาเซลเซียส และทนต่อค่า pH ได้ถึง 14 สำหรับการอายุการใช้งาน Membranes Filtration ที่ผลิตจากสารอนินทรีย์จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากกว่าซึ่งเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก

นอกจากการเลือกใช้ Membrane Filtration ให้ได้อย่างถูกต้องแล้ว การเลือกใช้ Membrane Filtration ที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพจะช่วยให้การกรองมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งบริษัทหรือร้านค้าที่จำหน่ายมีความประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการใช้งาน Membrane Filtration จะยิ่งช่วยให้จุดประสงค์ในการใช้งานที่ตั้งใว้ได้ผลลัพธ์ที่ประสิทธิภาพมากอีกด้วย

ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไฮโดร ซิสเท็ม ซัพพลาย เรามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในระบบบำบัดน้ำเสียมากว่า 25 ปี ที่ให้บริการตั้งแต่ให้คำปรึกษา ออกแบบ ผลิต ติดตั้งระบบ และบริการหลังการขาย โดยดูแลจากทีมวิศวกรที่มีความชำนาญในทุกขั้นตอน รวมไปถึงสินค้าที่เกี่ยวกับระบบบำบัดน้ำเสียและเครื่องบำบัดน้ำเสีย เช่น Membrane Bioreactor, Moving Bed Bio Reactor และ Bar Screen จึงมั่นใจได้ถึงคุณภาพและมาตรฐานที่จะได้รับ

สนใจเครื่องมือบำบัดน้ำเสีย หรือสินค้าอื่นๆ ติดต่อ

ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไฮโดร ซิสเท็ม ซัพพลาย